ตามที่มีข่าวเรื่องชาวบ้านจังหวัดบุรีรัมย์ถูกผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดฟ้องขับไล่ให้ออกจากที่ดินพร้อมเรียกค่าเสียหายกว่า ๔ แสนบาท ทั้งที่ได้ซื้อที่ดินจากจำเลยและได้ชำระเงินครบถ้วนแล้วเพียงแต่ยังไม่ได้ไปทำการโอนทางทะเบียน กรณีดังกล่าวอยู่ในการดำเนินการของสำนักงานบังคับคดีจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง อันเป็นการบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดนางรอง โดยโจทก์ได้แถลงขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดี ดำเนินการยึดที่ดินที่มีชื่อของจำเลยอยู่หลังโฉนดในเขตตำบลหนองชัยศรี อำเภอหนองหงส์ จังหวัดบุรีรัมย์ รวม ๓ แปลง เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการยึดและนำที่ดินทั้ง ๓ แปลงออกขายทอดตลาดตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการขายทอดตลาดที่ดินทั้ง ๓ แปลงดังกล่าว โดยมีบุคคลภายนอกเป็นผู้ซื้อได้ ภายหลังจากที่ผู้ซื้อทรัพย์ได้ชำระเงินค่าซื้อทรัพย์ครบถ้วนและรับโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินทั้ง ๓ แปลงเป็นของตนเองแล้ว จึงได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลจังหวัดนางรองออกหมายบังคับคดีขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินทั้ง ๓ แปลงที่ซื้อได้จากการขายทอดตลาดดังกล่าว ตามมาตรา ๓๓๔ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง จากนั้น ผู้ซื้อทรัพย์ได้มาพบเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง เพื่อตั้งเรื่องการบังคับคดีขับไล่ และเมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๓ ผู้ซื้อทรัพย์ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปปิดประกาศ ขับไล่จำเลยและบริวารที่อาศัยอยู่ในที่ดินทั้ง ๓ แปลง จึงได้พบนางวงเดือน ลุนสำโรง ซึ่งอาศัยอยู่บนที่ดินแปลงหนึ่งใน ๓ แปลงดังกล่าว นางวงเดือนได้แจ้งให้ทราบว่าตนเป็นเจ้าของที่ดินแปลงดังกล่าวเนื่องจากได้ซื้อที่ดินมาจากจำเลยและได้ชำระเงินครบถ้วนเพียงแต่ยังไม่ได้โอนทางทะเบียน และบ้านที่อยู่อาศัยก็เป็นบ้านที่ตนปลูกขึ้นภายหลังจากที่ได้ซื้อที่ดินมาจากจำเลย เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงได้ปิดประกาศขับไล่ไว้ ณ ที่ดินแปลงดังกล่าวตามขั้นตอนของกฎหมาย เพื่อให้ผู้ร้องสามารถใช้สิทธิทางกฎหมายโดยการยื่นคำร้องขอแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลภายในกำหนดเวลา ๑๕ วันนับแต่วันปิดประกาศ นางวงเดือนได้ทราบขั้นตอนต่าง ๆ ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งแล้ว แต่ได้แจ้งในเบื้องต้นว่าจะดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปเองภายใน ๑ เดือน แต่ต่อมานางวงเดือนประสงค์จะขอซื้อที่ดินดังกล่าวคืนจากผู้ซื้อทรัพย์ แต่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ ทั้งนี้ ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวข้างต้น สำนักงานบังคับคดีจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรองได้กำหนดนัดหมายนางวงเดือน และผู้ซื้อทรัพย์รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้ามาเจรจาเพื่อหาทางออกร่วมกันในวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๓ นี้ เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่นางวงเดือนต่อไป กรมบังคับคดี ๐ ๒๘๘๑ ๔๙๙๙ หรือสายด่วนกรมบังคับคดี ๑๑๑๑ กด ๗๙ เว็บไซต์กรมบังคับคดี www.led.go.th