วันนี้ (1 พฤศจิกายน 2561) เวลา 08.45 น. ธนาคารโลกได้กำหนดเผยแพร่ผลการจัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจประจำปี 2562 ในการนี้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) ได้ร่วมกับธนาคารโลกประจำประเทศไทยจัดการประชุมผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกลเพื่อรับฟังผลการจัดอันดับความยาก – ง่าย ในการประกอบธุรกิจของประเทศไทย ตามรายงาน Doing Business 2019 ของธนาคารโลก โดยมีนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) และคุณจอเจียร์ วาเลน รักษาการผู้อำนวยการธนาคารโลกประจำประเทศไทย เข้าร่วมประชุม ในส่วนของกรมบังคับคดีนางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี พร้อมด้วยนางภัทรภร เวชรังษี ผู้อำนวยการกองพัฒนาระบบการบังคับคดีและประเมินราคาทรัพย์ และนายภัทระ วัฒนชัย นิติกรชำนาญการ กองพัฒนาระบบการบังคับคดีและประเมินราคาทรัพย์ เข้าร่วมประชุมดังกล่าว ตลอดจนผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเข้าร่วมรับฟังผลการจัดอันดับ ตามที่ธนาคารโลกได้เผยแพร่รายงาน Doing Business 2019 โดยประเทศไทยได้รับการจัดให้อยู่ในอันดับที่ 27 จาก 190 ประเทศ โดยมีผลคะแนน DTF (Distance of Frontier) คิดเป็นร้อยละ 78.45 เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่ได้คะแนน 77.39 ถือเป็นอันดับที่ 3 ของอาเซียน ธนาคารโลก กล่าวว่า ตัวชี้วัดด้านการแก้ไขปัญหาการล้มละลายที่รัฐบาลมอบหมายให้กรมบังคับคดีเป็นผู้รับผิดชอบเป็นประเด็นที่ท้าทายประเทศต่างๆ ทั่วโลกมากที่สุด (most challenging worldwide )ซึ่งประเทศไทยได้คะแนนในด้านการแก้ไขปัญหาการล้มละลายเพิ่มขึ้นจาก 75.64 ในปีที่ผ่านมา เป็น 76.64 ในปีนี้ อยู่ในลำดับที่ 24 เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 2 อันดับ (ปีที่แล้วอันดับที่ 26) เป็นอันดับที่ 1 ของอาเซียน ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน และเป็นอันดับที่ 4 ของเอเซีย      นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี กล่าวว่า สำหรับแผนการดำเนินการต่อไป กรมบังคับคดีได้เสนอร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ....) พ.ศ. ...... จำนวน 2 ฉบับ ในส่วนการล้มละลายเกี่ยวกับต่างประเทศ และ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เอกชน การพัฒนาระบบ e - Insolvency ที่จะเริ่มใช้ได้ทั้งระบบเป็นครั้งแรกในปี 2562 การเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์กับหน่วยงานทะเบียนต่างๆ และการเสริมสร้างศักยภาพของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับคดีให้มากยิ่งขึ้น

อัลบั้มรูปภาพ