วันนี้ (20 กันยายน 2560) เวลา 13.30 น. นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี ร่วมกับดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล แถลงผลการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนผู้รับบริการที่มีต่อกระบวนการบังคับคดี โดยผลจากการสำรวจร้อยละ 98.4 เชื่อมั่นว่า การทำงานของกรมบังคับคดีมีส่วนช่วยในด้านการค้า การลงทุน และส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี กล่าวว่า ภารกิจของกรมบังคับคดีเป็นกระบวนการยุติธรรมทางแพ่งที่เกี่ยวกับการบังคับคดีแพ่ง บังคับคดีล้มละลาย การฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ การชำระบัญชี การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ซึ่งเป็นการดำเนินการตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล และมีผลต่อการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ตลอดจนมีส่วนในการเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน แผนปฏิบัติราชการ 4 ปี (พ.ศ.2559-2562) ของกรมบังคับคดี ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 1 การยกระดับการบังคับคดีให้เป็นสากล และอำนวยความยุติธรรมอย่างทั่วถึงและเสมอภาค ซึ่งได้กำหนดเป้าประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ที่ 2 คือ ระบบบังคับคดีสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนและภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ และได้กำหนดตัวชี้วัดเรื่อง ร้อยละความเชื่อมั่นในกระบวนการบังคับคดี ที่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนผู้รับบริการ กรมบังคับคดีจึงได้จัดทำโครงการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนผู้รับบริการที่มีต่อกระบวนการบังคับคดี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 เพื่อสำรวจการรับรู้ และความเข้าใจ ตลอดจนความเชื่อมั่นของประชาชน ผู้รับบริการ ผู้มีส่วนได้เสีย หน่วยงานภาคราชการ ภาคเอกชน และภาคธุรกิจ ที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของกรมบังคับคดี อีกทั้งจะเป็นแนวทางในการปรับบปรุงและพัฒนางาน รวมทั้งการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของกรมบังคับคดี ซึ่งถือว่า เป็นการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนผู้รับบริการที่มีต่อกระบวนการบังคับคดีเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ การดำเนินงานของกรมบังคับคดียังได้รับ การประเมินโดยธนาคารโลกตามกรอบการจัดอันดับความยาก – ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก (Ease of Doing Business) ที่เกี่ยวกับตัวชี้วัดที่ 9 เรื่องการบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง (Enforcing Contracts) และตัวชี้วัดที่ 10 เรื่องการแก้ไขปัญหาการล้มละลาย (Resolving Insolvency ) ดังนั้น การบังคับคดีแพ่งและล้มละลาย และการดำเนินภารกิจที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ของกรมบังคับคดี ต้องมีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ และตอบสนองความต้องการของประชาชน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่มาใช้บริการของกรมบังคับคดี และผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การสำรวจมีความเป็นมาตรฐาน น่าเชื่อถือ เป็นที่ยอมรับ มีความเป็นกลาง และปราศจากอคติ ในการสำรวจ จึงต้องมีผู้ประเมินอิสระจากหน่วยงานภายนอกเป็นผู้ดำเนินการ กรมบังคับคดีจึงได้มอบให้สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เป็นผู้ดำเนินการตามโครงการนี้ กรมบังคับคดีจะนำผลสำรวจมาประเมินและปรับปรุงคุณภาพการให้บริการ และเป็นแนวทางในการกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ในการพัฒนากระบวนการบังคับคดีและการให้บริการให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเป็นการดำเนินงานที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และมุ่งเน้นการอำนวยความสะดวกและความพึงพอใจของประชาชนผู้รับบริการเป็นสำคัญ เพื่อให้ประชาชนผู้รับบริการได้เข้าถึงบริการของกรมบังคับคดีได้อย่างง่าย และสะดวก และที่สำคัญคือ การดำเนินงานตามหลักความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส เป็นธรรม และตรวจสอบได้ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัย ซูเปอร์โพล กล่าวเพิ่มเติม ว่าสำนักวิจัย ซูเปอร์โพล ได้ลงพื้นที่สำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนกลุ่มเป้าหมาย ผู้รับบริการต่อกระบวนการบังคับคดี จำนวน 1,080 ราย ทั่วประเทศ ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค มหาวิทยาลัย นักกฎหมาย ผู้สื่อข่าวจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยใช้แบบสอบถามประกอบการสัมภาษณ์ การสัมภาษณ์เชิงลึก และการจัดสนทนากลุ่ม เพื่อทำการสำรวจความคิดเห็น ทั้ง 5 กระบวนการ ประกอบด้วย กระบวนการบังคับคดีแพ่ง , กระบวนการบังคับคดีล้มละลาย , กระบวนการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ , กระบวนการไกร่เกลี่ยข้อพิพาทชั้นบังคับคดี และกระบวนการติดตามและเฉลี่ยทรัพย์สินในคดีล้มละลาย พบว่ากระบวนการบังคับคดี สามารถตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการในภาพรวม คิดเป็นร้อยละ 86.95 การทำงานของกรมบังคับคดี มีส่วนช่วยการค้าการลงทุนและส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ร้อยละ 98.4 และส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ร้อยละ 73.4 ถือเป็นทิศทางที่ดี ในการวางแผนกำหนดกลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อพัฒนาประเทศในยุคไทยแลนด์ 4.0