วันนี้ (24 มิถุนายน 2559) 13.00 น. นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี ได้แถลงข่าวผลการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยการล้มละลายข้ามชาติ (International Conference on Cross-border Insolvency) ณ ห้อง เดอะเลาจน์ ชั้น 10 โรงแรมเดอะเบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ กรุงเทพมหานครวันนี้ (24 มิถุนายน 2559) 13.00 น. นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี ได้แถลงข่าวผลการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยการล้มละลายข้ามชาติ (International Conference on Cross-border Insolvency) ณ ห้อง เดอะเลาจน์ ชั้น 10 โรงแรมเดอะเบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ กรุงเทพมหานคร โดยมีข้อสรุป ดังนี้ 1. การนำเสนอรายงานพัฒนากฎหมายล่าสุดของในแต่ละประเทศ โดยเฉพะกฎหมายล้มละลาย ซึ่งมีบางประเทศที่กฎหมายล้มละลาย ได้ยกร่างมานานหลายปี จึงต้องปรับปรุงแก้ไขให้ตามกรอบของเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้นักลงทุนต่างประเทศเกิดความเชื่อมั่น เนื่องจากหากมีกรณีที่คู่สัญญาล้มละลาย นักลงทุนจะได้รับประโยชน์จากกฎหมายล้มละลายอย่างไรบ้าง 2. การพัฒนาแก้ไขกฎหมายเพื่อรองรับการล้มละลายข้ามชาติ (Cross-border Insolvency) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ (In Bond/out Bond) โดยนำกฎหมายแม่แบบของคณะกรรมการสหประชาชาติว่าด้วยกฎเกณฑ์การค้าระหว่างประเทศ (The United Nations Commission on International Trade Law “UNCITRAL” ) มาพิจาณาประกอบ 3. ให้ความสนใจกับธุรกิจ SMEs ในกรอบของกฎหมายล้มละลาย โดยการฟื้นฟูกิจการของธุรกิจ SMEs ที่ประเทศไทยได้แก้ไขเพิ่มเติมเป็นพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2559 ซึ่งประเทศไทยนับเป็นประเทศที่ 3 ในภูมิภาคเอเชียที่มีกฎหมายลักษณะนี้ ประเทศที่มีแล้ว ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลี ดังนั้นแม้ประเทศไทยได้ยกร่างดังกล่าวขึ้นมาเป็นการตอบรับให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันเพพื่อรองรับธุรกิจ SMEs 4. การแก้ไขกฎหมายต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นต้องสนใจว่าโครงสร้างกฎหมาย รองรับกับพัฒนาการทางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ กฎหมายล้มละลายถือเป็นกฎหมายทางเศรษฐกิจ เป็นกฎหมายทางการเงินที่สำคัญฉบับหนึ่งซึ่งแต่ละประเทศจะกำหนดในกฎหมายล้มละลายขึ้นอยู่กับศาลหรือกระทรวงยุติธรรมก็จะมีความแตกต่างกันไป 5. ประเทศไทยได้ยกข้อเสนอให้ที่ประชุมครั้งนี้ในเรื่อง การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางกฎหมายล้มละลายที่สำคัญเพื่อเป็นการศึกษาแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ตลอดจนการเชื่อมโยงข้อมูลทาง IT เพื่อการพัฒนาต่อไป ทั้งนี้ กรมบังคับคดีมียุทธศาสตร์ในการพัฒนากรมบังคับคดีให้เป็นศูนย์กลางด้านการบังคับคดีทั้งทางแพ่งและล้มละลายและจะมีสถาบันในการฝึกอบรมและพัฒนาในการบังคับคดี ตามยุทธศาสตร์ที่ตั้งไว้ในระยะ 5 ปี แรกนี้