Page 13 - วารสารกรมบังคับคดี ปีที่ 23 ฉบับที่ 119 - กรมบังคับคดี
P. 13

โดยเจตนารมณ์ของการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติมาตรานี้ขึ้นมานั้น ก็เพื่อให้สิทธิเจ้าหนี้ที่ไม่ได้ยื่นคำาขอรับชำาระหนี้
          ภายในกำาหนดเวลาสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำาสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด สามารถยื่นคำาขอรับชำาระหนี้ได้ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย

         โดยยื่นคำาร้องต่อศาลได้โดยตรง
               การตีความคำาว่า “เหตุสุดวิสัย” นั้นยังมีปัญหาในทางปฏิบัติค่อนข้างมาก เนื่องจากมีการตีความแตกต่างกัน ซึ่งคำาว่า

         เหตุสุดวิสัยนี้มีบัญญัติไว้ในกฎหมายหลายฉบับ โดยเฉพาะประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
         ความแพ่ง ซึ่งมีประเด็นปัญหาขึ้นสู่ศาลฎีกาค่อนข้างมาก
               เมื่อพิจารณาประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 8 คำาว่า “เหตุสุดวิสัย” หมายความว่า เหตุใดๆ อันจะเกิดขึ้นก็ดี

         จะให้ผลพิบัติก็ดีเป็นเหตุที่ไม่อาจป้องกันได้ แม้ทั้งบุคคลผู้ต้องประสบหรือใกล้จะต้องประสบเหตุนั้นจะได้จัดการระมัดระวัง
         ตามสมควรอันพึงคาดหมายได้จากบุคคลในฐานะและภาวะเช่นนั้น ซึ่งการตีความคำาว่าเหตุสุดวิสัยตามมาตรานี้ แนวคำาวินิจฉัย

         ของศาลฎีกาค่อนข้างตีความเคร่งครัดมาก โดยจะต้องเป็นเหตุซึ่งไม่อาจป้องกันได้ โดยอาจเกิดจากภัยธรรมชาติ เช่น เกิดอุทกภัย
         ในกรุงเทพมหานครและพื้นที่ใกล้เคียงหน่วยงานมีการประกาศหยุดราชการบางช่วงเวลาถนนต่างๆ บางเส้นปิดการจราจร
         เนื่องจากระดับนำ้าที่ท่วมสูงรถไม่อาจแล่นสัญจรผ่านไปมาได้ตามปกติทำาให้การเดินทางของประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย

         และบริเวณใกล้เคียงประสบความยากลำาบาก  ดังนี้  กรณีถือว่ามีเหตุสุดวิสัยที่ผู้ร้องไม่อาจยื่นอุทธรณ์ได้ทันตามกำาหนด
          (คำาพิพากษาศาลฎีกาที่ 9452/2559)






















                  ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 บัญญัติว่า  เมื่อศาลเห็นสมควรหรือมีคู่ความฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
             ได้ยื่นคำาขอโดยทำาเป็นคำาร้อง ให้ศาลมีอำานาจที่จะออกคำาสั่งขยายหรือย่นระยะเวลาตามที่กำาหนดไว้ในประมวลกฎหมายนี้

             หรือตามที่ศาลได้กำาหนดไว้ หรือระยะเวลาที่เกี่ยวด้วยวิธีพิจารณาความแพ่งอันกำาหนดไว้ในกฎหมายอื่น เพื่อให้ดำาเนิน
             หรือมิให้ดำาเนินกระบวนวิธีพิจารณาใดๆ ก่อนสิ้นระยะเวลานั้น แต่การขยายหรือย่นเวลาเช่นว่านี้ให้พึงทำาได้ต่อเมื่อ
             มีพฤติการณ์พิเศษ และศาลได้มีคำาสั่งหรือคู่ความมีคำาขอขึ้นมาก่อนสิ้นระยะเวลานั้น เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย  ซึ่งการ

             ตีความคำาว่าเหตุสุดวิสัยตามมาตรานี้ มีการตีความผ่อนคลายกว่าคำาว่าเหตุสุดวิสัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
             มาตรา 8 โดยผู้เขียนจะยกเอาคำาวินิจฉัยของศาลฎีกาที่ได้ให้ความหมายของคำาว่าเหตุสุดวิสัยตามประมวลกฎหมาย
             วิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23 ไว้เป็นบรรทัดฐานได้ดีมาก คือ คำาพิพากษาศาลฎีกาที่ 695/2509 ความว่า “เหตุสุดวิสัย”

             ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 หมายถึง เหตุที่ทำาให้ศาลไม่สามารถมีคำาสั่งให้ขยายระยะเวลาหรือ
             คู่ความมีคำาขอเช่นนั้นขึ้นมาก่อนสิ้นระยะเวลาที่กฎหมายให้ดำาเนินกระบวนพิจารณาอย่างใดอย่างหนึ่งได้ มิได้หมายถึงว่า
             พฤติการณ์พิเศษที่ทำาให้การดำาเนินกระบวนพิจารณาไม่อาจกระทำาได้ภายในกำาหนดนั้นต้องเป็นเหตุสุดวิสัย เหตุสุดวิสัย

             ตามมาตรา 23 จึงไม่จำาต้องเป็นเหตุอันเกิดจากภัยธรรมชาติซึ่งไม่มีใครอาจป้องกันได้ตามความในประมวลกฎหมายแพ่ง
             และพาณิชย์ มาตรา 8 หากมีพฤติการณ์นอกเหนือที่ศาลไม่อาจมีคำาสั่งขยายเวลาให้ก่อนสิ้นระยะเวลาที่กฎหมายกำาหนดไว้

             ในการดำาเนินกระบวนพิจารณาย่อมนับได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย  การสั่งขยายเวลาศาลมีอำานาจสั่งเองได้โดยคู่ความ



                                                          11


                                                กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม
   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18