Page 42 - วารสารกรมบังคับคดี ปีที่ 23 ฉบับที่ 119 - กรมบังคับคดี
P. 42
คำาตอบ :
“การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชั้นบังคับคดี” เป็นกระบวนการยุติธรรมทางเลือกเป็นการระงับ
ข้อพิพาทเพื่อยุติการบังคับคดีโดยมีบุคคลที่สามซึ่งเป็นกลางเรียกว่า “ผู้ไกล่เกลี่ย” ทำาหน้าที่ช่วยเหลือ
เสนอแนะแนวทาง เพื่อให้คู่กรณีหาทางออกของข้อพิพาทร่วมกัน หากตกลงกันได้จะเป็นผลให้
มีการถอนการยึดทรัพย์ ถอนการอายัด หรือถอนการบังคับคดี โดยการทำาบันทึกข้อตกลง
ซึ่งมีผลผูกพันให้คู่กรณีต้องปฏิบัติตามการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทจะช่วยให้คู่กรณีทุกฝ่ายสามารถ
บรรลุข้อตกลงร่วมกันจากการที่พิพาทกันนั้นได้โดยผู้ไกล่เกลี่ยจะคอยเป็นผู้แนะนำา ชี้แนะ
แนวทางที่เป็นไปได้ ในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทให้กับคู่กรณี ทั้งนี้ผู้ไกล่เกลี่ยไม่มีอำานาจ
ในการตัดสินใจหรือกำาหนดข้อตกลงให้แก่คู่กรณีแต่อย่างใด ดังนั้น ข้อตกลงในการไกล่เกลี่ย
ข้อพิพาทจึงเกิดจากการตัดสินใจของคู่กรณีเอง
การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชั้นบังคับคดีสามารถดำาเนินการได้ทั้งก่อนและหลังจากที่ได้มี
การบังคับคดี ยึด อายัดทรัพย์สินแล้ว ผลของการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทหากคู่กรณีสามารถตกลง
กันได้การไกล่เกลี่ยเป็นผลสำาเร็จคู่กรณีย่อมต้องผูกพันปฏิบัติตามเงื่อนไขตามบันทึกข้อตกลง
ซึ่งนำาไปสู่การงดการบังคับคดี ถอนการยึด การอายัด หรือถอนการบังคับคดี ทั้งนี้ถือว่า
ข้อตกลงดังกล่าวเป็นข้อตกลงที่เกิดขึ้นโดยผลของการปฏิบัติตามคำาพิพากษา ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ไม่อาจบอกเลิกหรือปฏิบัติให้เป็นอื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายได้ (คำาพิพากษาฎีกา
ที่ 1950/2551) หากไกล่เกลี่ยไม่สำาเร็จหรือสำาเร็จเพียงบางส่วนผลของคำาพิพากษาก็ยังคงมีอยู่
ยังไม่ได้หมดไปแต่อย่างใด และแม้คดีจะไกล่เกลี่ยเป็นผลสำาเร็จแล้วก็ตาม ต่อมาคู่กรณี
ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดนัดไม่ปฏิบัติหรือไม่ชำาระหนี้ตามบันทึกข้อตกลง คู่กรณีอีกฝ่ายก็สามารถ
ยื่นคำาร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำาเนินการบังคับคดีต่อไปได้เช่นกัน
40
กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม