Page 34 - วารสารกรมบังคับคดี ปีที่ 16 ฉบับที่ 82
P. 34
การครอบครองอสังหาริมทรัพยที่ถูกยึดไวโดยลูกหนี้ตามคำพิพากษาจะหมดไปเมื่อมีการขายทอดตลาด
ทรัพยสินได ลูกหนี้ตามคำพิพากษามีหนาที่ตองสงมอบการครอบครองนั้นใหแกผูซื้อได ตามแนวการวินิจฉัย
ในคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 244/2510 สรุปความไดวา “เจาพนักงานบังคับคดีมอบที่ดินที่ไปยึดไวใหจำเลยคนหนึ่ง
เปนผูรักษา จำเลยคนนั้นจึงอยูในฐานะเปนผูดูแลแทนเจาพนักงานบังคับคดีไวชั่วคราว เมื่อศาลขายทอดตลาด
ที่ดินและโจทกซื้อไปแลว ศาลก็ตองใหผูรักษาทรัพยมอบทรัพยที่รักษาไวแกผูซื้อ สวนกรณีที่เจาพนักงานที่ดิน
ยังขัดของในการที่จะทำนิติกรรมการโอนที่ดินดังกลาวใหผูซื้อนั้น เปนอีกเรื่องหนึ่งซึ่งจะตองวากลาวกันตอไป
ไมเกี่ยวกับการที่ศาลจะใหผูรักษาทรัพยมอบทรัพยที่ตนรักษาใหโจทกผูซื้อแตอยางไร”
สวนประเด็นขอสงสัยวา เหตุใดกรมบังคับคดี
จึงไมดำเนินการขับไลลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือ
บริวารออกไปจากอสังหาริมทรัพยนั้นกอนทำการ
ขายทอดตลาดนั้น ดังที่ไดพิจารณามาแลวในตอนตนวา
กรรมสิทธิ์ในทรัพยสินนั้นยังคงเปนของลูกหนี้
ตามคำพิพากษา ลูกหนี้ตามคำพิพากษาชอบที่จะใช
ประโยชนในอสังหาริมทรัพยไดตามสมควร ในกรณี
ที่ไดรับมอบหมายใหครอบครองอสังหาริมทรัพย
ที่ถูกยึด หากตอมาปรากฏขอเท็จจริงวาลูกหนี้
ตามคำพิพากษาทำใหทรัพยสินนั้นไดรับความเสียหาย
หรือมีความเสี่ยงวาจะเกิดความเสียหาย เจาพนักงาน
บังคับคดียอมมีอำนาจที่จะเรียกคืนการครอบครองจาก
ลูกหนี้ตามคำพิพากษาได โดยเจาพนักงานบังคับคดี
จะระวังรักษาทรัพยสินนั้นไวเองหรือตั้งใหผูใดเปน
ผูจัดการทรัพยสินก็ได ตามมาตรา 305 (2) แหงประมวล
กฎหมายวิธีพิจารณาความแพง
การดำเนินการของเจาพนักงานบังคับคดี
ตามมาตรา 305 (2) แหงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความแพง เพื่อปดปองความเสียหายแกทรัพยสินที่ถูกยึด
เปนคนละกรณีกับการขับไลลูกหนี้ตามคำพิพากษา
หรือบริวารใหออกไปจากทรัพยสินที่ขายทอดตลาดได
ตามมาตรา 309 ตรี แหงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความแพง เนื่องจากกรณีหลังเปนการขับไลหลังจาก
มีการขายทอดตลาดไดและผูซื้อไดจดทะเบียน
เพื่อรับโอนกรรมสิทธิ์ถูกตองตามกฎหมายแลว
34 วารสารกรมบังคับคดี